ไม่เป็นธรรม โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมฟุตบอล สเปอร์ส เจาะจง ที่แท้ในเกมที่แพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น คณะกรรมการตัดสินไม่ยุติธรรมกับกลุ่มของตนเอง
ไม่เป็นธรรม ในจังหวะที่ ปอล ป็อกบา ไปศอกใส่ แซร์จ ออริเย่ร์ โดยเห็นว่าแท้จริง ป็อกบา ควรโดนไล่ออกไปเลยแท้ๆแถมถึงแม้ว่าจะดู “ปีศาจแดง” ว่าเป็นกลุ่มที่ดี แต่ว่าก็เสริมว่า “ไก่เดือยทอง” ไม่สมควรแพ้เช่นกัน
โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมฟุตบอล ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พูดว่าแท้จริง ปอล ป็อกบา กองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรโดนใบแดงในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดหมายที่กลุ่มของตัวเองแพ้ “ปีศาจแดง” 1-3 ค้างรัง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 เดือนเมษายน ก่อนหน้าที่ผ่านมา ผลบอลไทย
เกมนี้มีหนึ่งใจความสำคัญที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างยิ่ง โน่นเป็นชอตที่กรรมการกลับคำวินิจฉัยให้กลุ่มเยี่ยมมิได้ประตูในจังหวะที่ เอดินสัน คาวานี่ จ่ายบอลเข้าไปนอนในตูดตาข่ายได้ในตอนครึ่งแรก
โดยปัจจัยเป็นด้วยเหตุว่าพอกรรมการเช็กกับคณะทำงาน วีเออาร์ แล้วนั้น พวกเขาก็มีข้อคิดเห็นว่าในจังหวะขึ้นเกมก่อนจะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดประตูดังที่ได้กล่าวมาแล้ว สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งมั่นเอามือฟาดใส่หน้า ซน ฮึง-มิน โดยใครหลายๆคนไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษานี้ เพราะเหตุว่าคิดว่ามันเป็นการสลัดมือตามธรรมชาติ แถม ดื้อรั้น ยังเพียรพยายามจะดึงแขน แม็คโทมิเนย์ ก่อนด้วย
ดังนี้ ข้างหลังจบเกมไปแล้ว มูรินโญ่ ก็โดนถามหาจังหวะดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แม้กระนั้นที่ปรึกษาชาวโปรตุๆกีสสวนกลับไปว่าก่อนหน้าที่จะถึงชอตนั้นมันก็มีจังหวะที่กลุ่มของตัวเองเสียคุณประโยชน์เช่นเดียวกัน จากการที่ตอนต้น ป็อกบา กับ ออริเย่ร์ แทรกแย่งบอลกัน ก่อนที่จะศอกของกองกลางชาวประเทศฝรั่งเศสจะไปชนใส่หน้าอีกข้าง แม้กระนั้นท้ายที่สุด ป็อกบา กลับไม่โดนต่อให้ใบเหลือง ดูบอลสด
“ผมมีความรู้สึกว่าพวกเราโชคร้ายด้วยเหตุว่า ป็อกบา ควรโดนใบแดงจากจังหวะที่เขาศอกใส่ แซร์จ ออริเย่ร์ ถ้าหากคุณจะกล่าวเกี่ยวกับ วีเออาร์ แล้วล่ะก็ คุณก็ควรกล่าวถึงจังหวะนั้นจะดีมากกว่า ผมไม่รู้เรื่องอีกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร บางครั้งบางคราวคุณจะเข้าดวงใจการตัดสินใจของผู้ตัดสิน ในระหว่างที่บางทีก็ไม่รู้เรื่องมัน แต่ว่ามันก็พินิจพิจารณาได้ยากล่ะนะ” มูรินโญ่ กำหนด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ให้มองเห็นความเป็นยอดกลุ่มที่ไม่เคยยอมแม้ว่าจะโดนนำไปก่อนก็ตาม แม้กระนั้นก็สามารถจัดแจงยิงคืนสามประตูรวดในแมตช์บุกผลาญ ท็อตแน่ม ฮ็อทสปอร์ 3-1 เกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 เดือนเมษายนก่อนหน้าที่ผ่านมา
สำหรับแมตช์นี้มีใจความสำคัญที่น่าดึงดูดมากมายๆในครึ่งแรกที่ “วีเออาร์” ยึดประตูของ เอดินสัน คาวานี่ เนื่องจากว่า สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ไปทำฟาวล์ใส่ ซน ฮึง-มิน ซึ่งข้างหลังเกมมีการแสดงความเห็นจำนวนมาก รวมทั้งยังนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเปิดศึกการศึกน้ำลายระหว่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เริ่ดหรูอลังการ
ที่สำคัญความมีชัยของ “ผีแดง” ในแมตช์นี้ ทำให้พวกเขาขยายสถิติไม่มีแพ้เกมลีกนอกบ้านเพิ่มเป็น 23 เกม (ชนะ 15 เสมอ 8) ซึ่งทำให้ปัจจุบันนี้พวกเขาเป็นกลุ่มไม่แพ้นอกบ้านช้านานที่สุดเป็นชั้นสองเท่ากับ อาร์เซน่อล ที่ทำเอาไว้ระหว่างสิงหาคม 2001-เดือนกันยายน 2002 ส่วนชั้น 1 ยังคงเป็นของกองทัพ “ไอ้ปืนใหญ่” ที่ทำเป็น 27 แมตช์ระหว่างม.ย. 2003-ก.ย. 2004
ดูเหมือนกับว่า โซลชา จะตกลงใจโดยเด็ดขาดแล้วว่ามือ 1 ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงจะเป็นของ ดีน เฮนเดอร์สัน ภายหลังที่โกลคนประเทศอังกฤษ ทำผลงานได้อย่างดียิ่งในตอนก่อนหน้าที่ผ่านมา ทำให้ ดาบิด เด เคอา จำเป็นต้องแปลงเป็นยางอะไหล่ไปโดยปริยาย
นายทวารดีกรีกลุ่มชาติอังกฤษ มิได้ทำผิดพลาดอะไรเลยกับจังหวะที่เสียประตูแรกให้ สเปอร์ส ซึ่งถ้าหากมองดูอย่างเป็นกลางก็จะต้องกล่าวว่าผู้ที่ควรจะโดนต่อว่าน่าจะเป็น วิคโคนร์ ลินเดอเลิฟ ที่สกัดบอลพลาดจำนองไปสู่การโดนเจ้าของบ้านซัดใบเบิกร่อง
จากนั้น เฮนเดอร์สัน ไม่มีจังหวะไหนที่เล่นได้บกพร่องเลย ที่สำคัญเขายังโชว์ความเฉลียวฉลาดที่เร็วด้วยการใช้ขาสกัดจังหวะยิงของ ซน ฮึง-มิน แผงหน้าชาวประเทศเกาหลีใต้ แล้วก็ แฮร์รี่ เคน ศูนย์หน้าเลือดผู้ดี ได้ดีเยี่ยม ซึ่งจังหวะนั้นนับว่าสำคัญมากๆ
ผลงานทั้งยัง 2 ครึ่งในแมตช์นี้ บอกเลยว่า เฮนเดอร์สัน เล่นได้เยี่ยมที่สุดทั้งยังมีความนิ่ง และก็ความฉลาดสำหรับในการยืนตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิ่งออกมาตัดบอลเร็วก่อนที่จะ สเปอร์ส จะได้โอกาสทำประตู ซึ่งนี่เป็นสไตล์ของผู้เฝ้าประตูยุคๆในแวดวงลูกหนัง
